ประวัติแม่สุพร จันทรวงศ์


ประวัติ คุณแม่สุพร จันทรวงศ์ ตอนที่ 1

ประวัติ คุณแม่สุพร จันทรวงศ์ ตอนที่ 2


แม่สุพร จันทรวงศ์ สกุลเดิม ฉายขจร เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พุทธศักราช 2465 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 2 ค่ำ เดือน 7 ปีจอ ณ บ้านเลขที่ 10 ซอย 2 หมู่บ้านท่าเสา ถนนเขางู อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรคนโตของ นายหลาบ ฉายขจร และนางขอ สกุลเดิม อินทรประสิทธิ์ เสียชีวิตหมดแล้ว

แม่สุพร เดิมชื่อ กิมแช มีน้องร่วม บิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ ร้อยตรีทวี ฉายขจร นายทศ ฉายขจร นางทองเขียว เจียมจำรัส เสียชีวิตหมดแล้ว และมีน้องร่วมบิดาเดียวกันอีก 3 คน คือ นายสุโพธิ์ ฉายขจร เสียชีวิตแล้ว นางสาวฉลวย ฉายขจร และ จ่าสิบเอกไชยรัตน์ ฉายขจร ยังมีชีวิตอยู่

นางขอ มารดาของแม่สุพร เสียชีวิตตั้งแต่ แม่สุพร อายุ 13 ปี จากการคลอดบุตร ส่วน นายหลาบ ผู้พ่อ มีอาชีพเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง ต้องเดินทางไปพักค้างอ้างแรมในที่ต่างๆ อยู่เสมอ จึงทำให้แม่สุพร ในฐานะพี่สาวคนโต ต้องรับภาระปกครองดูแลน้องๆ ในเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ และการเรียน มาตั้งแต่เด็กๆ

แม่สุพร จันทรวงศ์ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ เมื่อปีพุทธศักราช 2480 หลังจากนั้น ไปเป็น ครูประชาบาล อยู่ที่วัดโชติทายการาม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี อยู่ 5 ปี จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2486 ได้ย้ายมาเป็น เสมียนสรรพากร ประจำ ณ ศาลากลางจังหวัดราชบุรี
ในช่วงนี้เอง แม่สุพร ได้สมรสกับ นายสละ จันทรวงศ์ ข้าราชการชั้นจัตวา ซึ่งทำงานที่เดียวกัน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2494

ชีวิตราชการของ แม่สุพร เจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2509 ได้ย้ายตามสามีไปเป็น ข้าราชการชั้นตรี แผนกสรรพากร ณ ศาลากลางจังหวัดยะลา อยู่เกือบ 2 ปี จึงย้ายกลับมาประจำแผนกสรรพากร จังหวัดราชบุรี ดังเดิม

ปีพุทธศักราช 2515 แม่สุพร ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยสมุห์บัญชีอำเภอโท อำเภอเมืองราชบุรี ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตราชการ เพราะแม่สุพร ได้ตัดสินใจลาออกในปีพุทธศักราช 2520 ก่อนเกษียณอายุ 5 ปี เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยสมบูรณ์

แม่สุพร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญจักรพรรดิมาลา และ เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ในปีที่ 27 ของรัชกาล ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อันสูงยิ่งของชีวิต

ในช่วงชีวิตของ แม่สุพร ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงดูคน เพราะนอกจากต้องเลี้ยงดูน้องๆ และบุตรแล้ว ยังต้องเลี้ยงดูญาติพี่น้องอีกหลายคน เนื่องจากสมัยก่อน การคมนาคมยังไม่ค่อยสะดวกนัก บรรดาญาติพี่น้องที่มีบ้านอยู่ห่างไกล จะฝากบุตรหลาน ให้มาอาศัยอยู่กับ แม่สุพร ที่บ้านท่าเสา เพื่อเรียนหนังสือ มีตั้งแต่รุ่นพ่อ ต่อมายังรุ่นลูก จนกระทั่งถึงรุ่นหลาน แม่สุพร จึงต้องทำหน้าที่หลายอย่างในเวลาเดียวกัน บางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นย่า บางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นยาย เป็นป้า เป็นน้า เป็นอา เป็นพี่สาว และบางครั้งต้องทำหน้าที่เป็น แม่คนที่สอง อีกด้วย

แม่สุพร จันทรวงศ์ มีบุตรชาย 2 คน ส่งเสียให้ได้รับการศึกษา ได้อุปสมบท ได้ทำงานที่ดี และได้แต่งงาน และที่สำคัญมีหลานไว้ให้ แม่สุพร ได้ชื่นชม ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์ ในหน้าที่ของความเป็น “แม่” คนหนึ่ง

บุตรชายคนโต นายทวนชัย จันทรวงศ์ จบการศึกษาปริญญาตรี การศึกษาศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางแสน ปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง สมรสกับ นางยุพดี สกุลเดิม วีระศักดิ์ มีบุตร 3 คน ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหัวคู้ จังหวัดสมุทรปราการ

บุตรชายคนเล็ก พันเอกพิเศษสุชาต จันทรวงศ์ จบการศึกษาปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา จากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กำลังศึกษาปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศคุณภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี สมรสกับ นางสุมารยาท สกุลเดิม เดชฉกรรจ์ มีบุตร 2 คน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการประจำกรมการทหารช่าง และ ผู้อำนวยการโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยา ค่ายบุรฉัตร จังหวัดราชบุรี

แม่สุพร เป็นคนเจ้าระเบียบ รักความสะอาด เกรงใจคน และชอบใจน้อย เป็นคนที่ลายมือสวย ชอบเขียนบันทึกเรื่องราวสำคัญ ไว้ให้ลูกหลานได้เข้าใจ

แม่สุพร เป็นห่วงกังวลในทุกเรื่องของลูกหลาน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ บางครั้ง กังวลเกินไป จนตัวเองไม่สบาย

แม่สุพร ชอบใส่บาตรเป็นประจำในตอนเช้า เพื่ออุทิศกุศลผลบุญไปให้บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว

แม่สุพร พร่ำสอนลูกหลานทุกคน ให้มีความรัก ความสามัคคีกัน อย่าทะเลาะกัน และต้องช่วยเหลือกัน ในยามตกทุกข์ได้ยาก ทุกคนต้องรักการเรียนหนังสือ อย่าขี้เกียจ เพื่ออนาคตจะได้มีงานทำที่ดี โดย แม่สุพร จะเล่าตัวอย่างชีวิตของตนเอง ตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งวัยชรา ที่ค่อนข้างลำบาก เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนใจพวกเราอยู่เสมอ

แม่สุพร เป็นตัวอย่างของกุลสตรีที่รักนวลสงวนตัว ขี้อาย แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด พูดจาไพเราะ และจะว่ากล่าวตักเตือน ลูกหลานที่เป็นผู้หญิงเสมอ หากประพฤติ ปฏิบัติตน ไม่เหมาะสมกับกุลสตรี
ในช่วงชีวิตหลังออกจากราชการ แม่สุพร เคยหวังว่า จะมีชีวิตที่สุขสบายบ้าง แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม กระดูกตรงก้นขบที่คดงอ จากผลของการหาบน้ำและยกของหนักในวัยเด็ก ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังอย่างสาหัส หลังเริ่มโก่งงอ ต้องทำกายภาพอยู่เป็นประจำ ในช่วงหลัง แม่สุพร ต้องใช้ การคลาน แทนการเดิน

นอกจากสุขภาพร่างกายตนเองจะไม่ค่อยสมบูรณ์แล้ว แม่สุพร ก็ยังคงต้องปรนนิบัติดูแลสามีควบคู่กันไปด้วย คือ พ่อสละ จันทรวงศ์ ซึ่งดวงตาบอดสนิทไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มานานกว่า 7 ปี โดยมี นางสาวฉลวย ฉายขจร หรือ น้าแดง น้องสาวคู่กายเป็นผู้ช่วยเหลือ

แม่สุพร ต้องสูญเสียพ่อสละ ผู้เป็นสามีไป เมื่อกลางปีพุทธศักราช 2541 และหลังจากนั้นอีกไม่นาน น้องชาย น้องสาว ก็เริ่มทยอยเสียชีวิตติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จน แม่สุพร ทนรับความรู้สึกไม่ไหว ตกอยู่ในอาการซึมเศร้า และตรอมใจ แต่โชคดี ยังมีหลานตัวเล็กๆ อยู่เคียงข้าง พอผ่อนกาย คลายเหงา ลงได้บ้าง

แม่สุพร เป็นคนรักษาสุขภาพ มีอะไรผิดปกติเล็กน้อย จะรีบไปหาหมอทันที แม่สุพร มีโรคประจำตัว คือ โรคความดัน โรคหัวใจ โรคกระดูกก้นขบคดงอ โรคปวดขา และโรคไขมันในเส้นเลือด รับประทานยาครั้งหนึ่งหลายขนาน หยิบได้เกือบเต็มกำมือ แม่สุพร เข้าโรงพยาบาลราชบุรี ครั้งที่หนักมากเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเมื่อกลางเดือนกันยายน พุทธศักราช 2551 จากอาการปลอดอักเสบ และต่อมาก็เข้า-ออก โรงพยาบาลอีก 2 ครั้ง

ในช่วงระหว่างนี้ ชีวิตของ แม่สุพร เกือบจะจากพวกเราไปหลายครั้งหลายครา แต่พวกเราก็ได้ นางอุไร แพฟืน ซึ่งเป็นพยาบาล มาดูแลช่วยเหลือในช่วงวิกฤต ทันเวลาเสมอ นอกจากนั้นยังมี นางนภาพร ฉายขจร น้องสะใภ้ของแม่ มาคอยช่วยวัดความดันและดูแลสุขอนามัยอยู่เป็นประจำ พวกเราขอขอบคุณทั้งสองท่าน ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

ในวาระสุดท้าย แม่สุพร ออกจากโรงพยาบาลราชบุรี เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2552 กลับมาพักรักษาตัว อยู่ ณ บ้านท่าเสา บ้านเกิดของตัวเอง นอนอยู่บนเตียงแบบไร้ความรู้สึก ให้อาหารทางสายยาง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มี น้าแดง น้องสาวคู่กาย รับภาระเป็นผู้ดูแลเช่นเคย

ถึงแม้จะดูเหมือนว่า แม่สุพร ไม่รู้สึกตัว แต่ทุกครั้ง เมื่อมีลูก มีหลาน มีคนที่รู้จัก เข้าไปพูดคุย ส่งเสียง และสัมผัส เปลือกตาของแม่สุพร จะกระพริบถี่ขึ้น และมีน้ำตาไหลออกมาข้างแกม เหมือนกำลังจะบอกว่า “ แม่รับรู้นะ แต่แม่ไม่รู้จะพูด หรือขยับตัวได้อย่างไร”

เช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พุทธศักราช 2552 เวลาประมาณ 6 นาฬิกา 30 นาที ตรงกับวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ปีฉลู แม่สุพร จันทรวงศ์ ก็จากพวกเราไปอย่างสงบด้วยโรคชรา

ตามความเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า การจากไปซึ่งตรงกับวันพระใหญ่ คือ การสิ้นอายุขัย เป็นการจากไปอย่างสงบ และการจากไปในช่วงเช้า โดย แม่สุพร ยังไม่ได้รับประทานอาหารแม้แต่มื้อเดียว ถือว่าท่านได้เหลือไว้ให้ลูกหลาน ครบทั้ง 3 มื้อ คือ เช้า กลางวัน และเย็น ซึ่งหมายความถึง ลูกหลานจะมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขตลอดไป

สิริอายุของ แม่สุพร จันทรวงศ์ รวมได้ 87 ปี 2 เดือน 17 วัน


***********

จัดทำเป็นวีดีทัศน์
บทและตัดต่อลำดับภาพ : พันเอกสุชาต จันทรวงศ์
เสียงบรรยาย : นางสาวกาญจนา สิมมา